วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เราดูแลผิวหน้าแฝงทำร้ายไปด้วยอยู่หรือเปล่า


ผู้หญิงเราทุกวันนี้ คงไม่มีใครปล่อยปละละเลยผิวพรรณตัวเอง ใครล่ะจะอยากหน้าแก่ มีรอยเหี่ยวย่น แต่วิธีที่เราดูแลนี่สิผิดวิธีอยู่หรือเปล่า ยิ่งดูแลยิ่งกลายเป็นการทำร้ายผิวมากขึ้นล่ะสิ

1. ไม่ล้างหน้าก่อนนอน 
สาว ๆ คนไหนทำกันบ่อย สารภาพมาซะดี ๆ และขอบอกเลยว่ารีบหยุดพฤติกรรมนี้โดยเด็ดขาด เพราะผิวหน้าของเรานั้นต้องเผชิญกับมลภาวะต่าง ๆ มาทั้งวันแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายถึงหน้าของเราจะมีสิ่งสกปรกเกาะติดอยู่มากมาย ถ้าหากไม่ล้างหน้าก่อนนอน แบคทีเรียหรือเชื้อโรคต่าง ๆ ก็จะแพร่กระจายและฝังตัว ซึ่งจะทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายมาก ๆ

2. ทาครีมไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศ 
สาว ๆ ต้องทำความเข้าใจนะคะว่าอากาศในบ้านเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ๆ ทั้งร้อนแห้ง ร้อนชื้น หรือหนาวเย็น ถ้าหากสาว ๆ ใช้ครีมอยู่แค่ชนิดเดียวเป็นประจำ หรือไม่เลือกใช้ครีมให้เหมาะกับสภาพอากาศ ผิวของคุณก็จะเสียสมดุลเอาได้ ดังนั้นจึงควรเลือกครีมบำรุงให้เหมาะสภาพผิวของเราและเหมาะกับช่วงเวลาจะดีที่สุดค่ะ

3. บีบสิวเป็นประจำ 
การบีบสิวนอกจากจะทำให้ใบหน้าเป็นแผลช้ำ ๆ และดูไม่น่ามองแล้ว อาจจะทำให้สิวติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนอักเสบลุกลามไปทั่วใบหน้าก็เป็นได้

4. ไม่ล้างมือก่อนทาครีม 
เพราะก่อนเอามือมาชโลมครีมทั่วใบหน้านั้น ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มือเราไปสัมผัสกับอะไรมาบ้าง ซึ่งบางทีอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ หากสัมผัสกับใบหน้าโดยตรงอาจทำให้เป็นสิว หรือหากเป็นสิวอยู่แล้วก็อาจจะทำให้สิวอักเสบลุกลามเข้าไปใหญ่

5. ถูหน้าแรง ๆ 
จำไว้เลยนะคะสาว ๆ ว่าผิวหน้าของคนเรานั้นถือว่าเป็นอะไรที่บอบบางมาก ๆ ดังนั้นถ้าหากถูแรง ๆ บ่อย ๆ รับรองเลยว่าใบหน้าของคุณจะเกิดริ้วรอยก่อนวัยอย่างแน่นอน

6. ขยี้ตาบ่อย ๆ 
การขยี้ตาบ่อย ๆ ถือเป็นการกระทำที่รบกวนผิวใต้ตาอย่างรุนแรง และจะทำให้ผิวหนังที่บอบบางบริเวณรอบดวงนั้นเกิดรอยยับหรือรอยตีนกาได้ง่าย

7. ไม่ทาครีมกันแดด 
ตัวการทำลายผิวอย่าง รังสียูวีจากแดด มันจะทำลายผิวของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นหน้าร้อนเท่านั้น ถ้าหากเราไม่ใส่ใจที่จะทาครีมกันแดด นาน ๆ ไปผิวหน้าของคุณก็จะคล้ำเสียจนไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมามีสุขภาพดีเหมือนเดิมได้ นอกจากนี้อาจจะกลายเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

8. สครับผิวหน้าบ่อยเกินไป
จริงอยู่ว่าการสครับผิวจะเป็นการขจัดความหมองคล้ำ เผยให้เห็นผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใส แต่ทั้งนี้ไม่ควรที่จะสครับผิวหน้าบ่อยเกินไป เพราะจะเป็นการทำลายผิว ทำให้ผิวบาง เกิดการระคายเคือง ขาดความชุ่มชื้น และเกิดริ้วรอยได้ง่าย ซึ่งจำนวนการทำสครับผิวที่เหมาะสมนั้น สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

9. เลียริมฝีปาก 
การเลียริมผีปากถือเป็นการทำลายความชุ่มชื้นของปาก สาว ๆ เคยสังเกตไหมคะว่ายิ่งเลียริมฝีปากเท่าไร ปากก็จะยิ่งแห้ง ดังนั้นสาว ๆ จึงไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อย ๆ เพราะมันจะทำให้ปากลอกแห้งเป็นขุย หรืออาจทำให้เป็นแผลเอาได้ ทางที่ดีควรพกลิปบาล์มติดตัวไว้จะดีที่สุดค่ะ



แอดเราเป็นเพื่อน เพื่อติดตามผ่านช่องทางอื่นๆได้ที่นี่เลยค่ะ
 LINE ID : @chlitina-th

สาระความรู้และความงามน่าสนใจแบบนี้  แชร์แบ่งปันให้เพื่อนรู้บ้างสิ แชร์เลย!!!
Share: Line

รู้หรือไม่ ....วิธีดูแลผิวบอบบางหลังเผชิญแสงแดดต้องทำอย่างไร


               หลังจากเอนจอยไลฟ์แบบจัดเต็มแล้ว ผิวของเราบอบบางเป็นอย่างมาก เนื่องจากแสงแดดแผดเผา ทำลายสมดุลผิวให้เสียไป ก็ถึงเวลาที่จะกลับมาดูแลผิวกันแล้วค่ะ เพราะผิวสวยๆ ของเราโดนทำลายมาอย่างรุนแรงนะคะ วันนี้จึงขอนำเสนอวิธีการดูแลผิว โดยจะเน้นเรื่องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยเฉพาะ เพื่อให้ผิวสวยใสของเรากลับมา ว่าแล้วมาฟื้นฟูผิวเสียกันเลยค่ะ

ทำผิวให้เย็นลง
               ทันทีที่สังเกตเห็นว่าผิวเริ่มลอก ให้คุณอาบน้ำเย็น การอาบน้ำเย็นจะช่วยให้ผิวเย็นลง และลดกระบวนการลอกของผิวให้ช้าลงได้ด้วย นอกจากนี้เมื่อเช็ดตัว ก็ให้ซับแต่เบามือ อย่าเช็ดถูโดยแรงเพราะจะทำให้ผิวยิ่งระคายเคือง และลอกมากขึ้นได้

ดื่มน้ำมาก ๆ
               หลังจากบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นจากภายนอกแล้ว ก็ต้องบำรุงให้ชุ่มชื้นออกมาจากภายในด้วย ทำได้โดยการดื่มน้ำ ยิ่งในยามที่ผิวไหม้และลอกขนาดนี้ น้ำกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งขึ้นในการช่วยให้ผิวฟื้นฟูสภาพได้เร็ว เพราะฉะนั้นอย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้วนะคะ

อย่าดึงหนังที่กำลังลอกออกมา
               ในช่วงกระบวนการรักษา ผิวชั้นนอกจะค่อย ๆ แห้งและร่อนหลุดออกมา แต่อย่ามือซนไปแกะหรือลอกผิวหนังที่กำลังหลุดร่อนออกมาเด็ดขาด เพราะการดึงให้หนังหลุดลอกออกมานั้นอาจทำให้เกิดอาการอักเสบได้ หากรู้สึกรำคาญสายตาและสัมผัส ให้ใช้กรรไกรเล็ก ๆ ตัดเฉพาะหนังส่วนที่ลอกออกมา แล้วทายาขี้ผึ้งกันการติดเชื้อทับ

ห้ามเกา
               แม้ว่าจะรู้สึกคันมากเพียงใด แต่ก็ห้ามมือซนไปเกาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณอาจได้ทำร้ายผิวในระยะยาว ด้วยการฝากรอยแผลเป็นเอาไว้ หากรู้สึกคันให้บรรเทาด้วยการใช้ผ้าขาวบางหรือผ้าเช็ดหน้าห่อน้ำแข็ง แล้วนำมาทาบกับผิวบริเวณนั้น เมื่อผิวเริ่มเย็นลงอาการคันก็จะทุเลาลงได้

ผิวขาหยาบกร้านแห้ง แตก เป็นขุย
               เป็นผลมาจากร่างกายขาดน้ำจึงต้องดื่มน้ำมากเป็นพิเศษ และขัดผิวอย่างถูกวิธีควบคู่ไปด้วย ผิวกายควรใช้แปรงขัดผิว ใยบวบ หรือถุงมือขัดผิวโดยเฉพาะ ขัดถูให้ทั่ว พร้อมกับใช้ครีมขัดผิวคู่ไปด้วย หลังจากนั้นอย่าลืมบำรุงผิวที่หยาบกร้านด้วยโลชั่นถนอมผิว

ริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดจากเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน
               ยิ่งอายุมากขึ้นริ้วรอยยับย่นแห่งวัยก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นได้ง่ายและเร็ว ควรดูแลผิวเสียแต่เนิ่น ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทม้อยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน และอีลาสติน แต่นับจากนี้ก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองให้ได้รับผลเสียจากแสงแดดน้อยที่สุด เพราะริ้วรอยที่เกิดขึ้นแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการลดเลือนริ้วรอย

ใช้ครีมบำรุงสูตรผิวแพ้ง่าย
               กรณีที่อาบแดดนาน ๆ อยู่ท่ามกลางความร้อนมากเกินไปหรือแพ้สภาพอากาศ อาจทำให้ใบหน้าและบริเวณหน้าอกขึ้นเป็นผื่นแดง วิธีที่ดีที่สุด คือใช้ครีมบำรุงผิวสูตรบรรเทาผื่นแดงสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพื่อลดขนาดของรอยผื่น และต้องหลบแดดทันทีควบคู่กับการงดทำซาวน่า และอยู่ให้พ้นจากชายหาด ที่มีลมแรงสักระยะ

ใครที่โดนแสงแดดทำลายผิว ลองนำวิธีที่แนะนำไปบำรุงผิวให้กลับคืนสู่สภาพเดิมกันได้นะคะ




แอดเราเป็นเพื่อน เพื่อติดตามผ่านช่องทางอื่นๆได้ที่นี่เลยค่ะ
 LINE ID : @chlitina-th

สาระความรู้และความงามน่าสนใจแบบนี้  แชร์แบ่งปันให้เพื่อนรู้บ้างสิ แชร์เลย!!!
Share: Line

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ผิวหน้าแพ้ง่าย รู้ได้อย่างไร?



               ผิวบอบบางและแพ้ง่ายเกิดขึ้นได้ทุกบริเวณในร่างกายของเรา แต่เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้นบนใบหน้ามักจะทำให้คนอื่นสามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย ผิวที่แพ้ง่ายเกิดจากการที่เกราะป้องกันผิวมีความผิดปกติ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองสามารถเข้ามาทำร้ายผิวได้ อาการของผิวแพ้ง่ายนั้นจะหนักขึ้นหากโดนปัจจัยจากภายนอกอย่าง แสงแดด หรือสารบางชนิดในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว การเข้าใจถึงสาเหตุของผิวหน้าที่แพ้ง่ายรวมถึงปัจจัยที่อาจทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น จะสามารถช่วยให้เราควบคุมและลดอาการและความถี่ของการเกิดปัญหาขึ้นได้

               ผิวของเราเป็นอวัยวะที่มีความมหัศจรรย์ ผิวที่มีสุขภาพดีมีขั้นตอนการทำงานของส่วนต่างๆ ที่สลับซับซ้อนในการสร้างสมดุลย์ในผิวและปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก เซลล์ผิวและไขมันที่อยู่ในชั้นผิวไม่ต่างกับอิฐและปูนที่เรียงตัวกันอย่างมีระเบียบเพื่อสร้างความมั่นคงและแข็งแรงให้กับโครงสร้างของผิว

               ชั้นบนสุดของผิวหนังกำพร้าทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันร่างกายจากปัจจัยภายนอกในผิวที่มีสุขภาพดี เกราะป้องกันทำหน้าที่กักเก็บความชื้น ป้องกันผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายแต่สำหรับผิวแพ้ง่ายนั้น การทำงานของเอนไซม์ที่ผิดปกติทำให้ผิวบอบบาง อ่อนแอ เกราะป้องกันผิวไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำและเปิดโอกาสให้ปัจจัยภายนอกเข้ามาทำร้ายผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดขึ้นที่ผิวหน้าแล้วอาการมักจะรุนแรงและเห็นได้ชัดเนื่องจากต้องเจอกับปัจจัยภายนอกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด มลภาวะ และสารเคมี

อาการที่บ่งบอกว่าผิวคุณแพ้ง่าย เช่น

  • ผิวลอกเป็นขุย ผิวแดง ผื่น อาการบวม ผิวแตก ผิวแห้งกร้าน หยาบ
  • ในบางกรณีอาจมีอาการคัน แสบ ตึง ร่วมด้วย

ผิวหน้าที่แพ้ง่ายและมีปฏิกิริยาไว มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องสำอาง การดูแลผิว อายุ และการสูญเสียน้ำด้วย โดยอาการมักจะเกิดขึ้นหลังจากการทาผลิตภัณฑ์โดยทันที หรืออาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือในบางกรณีหลายวัน อาการอาจรวมไปถึงแสบผิว และอาจมีอาการผิวแดง ผิวตกสะเก็ด ผิวแตก ร่วมด้วย

อะไรทำให้ผิวแพ้ง่าย

ปัจจัยภายในที่ทำให้ผิวแพ้ง่าย
               ผิวแพ้ง่ายสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แต่มักพบบ่อยในเด็กทารกและเมื่อเริ่มมีอายุ ผิวเด็กทารกมีความหนาประมาณเศษ 1 ส่วน 5 ของผิวผู้ใหญ่และเกราะป้องกันผิวยังไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ จึงทำให้เซนซิทิฟต่อสารเคมี และรังสียูวี ส่วนผิวผู้ใหญ่นั้นเมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของเกราะป้องกันผิวก็เริ่มเสื่อมสภาพลง ไขมันในชั้นผิวเริ่มลดลง การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนไม่ว่าจะจากการตั้งครรภ์หรือวัยหมดประจำเดือนล้วนมีผลกระทบกับความสามารถของผิวในการป้องกันสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนั้นแล้วความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ ยังเป็นอีกสองปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้อาการผิวแพ้ง่ายปะทุขึ้นมาได้ โดยบางครั้งเมื่อควบคู่กับการรับประทานอาหารที่ขาดคุณค่าทางโภชนาการและการดื่มน้ำไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ผิวที่แห้ง ขาดน้ำ และระคายเคืองอยู่แล้วเกิดอาการแพ้ขึ้น

ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวแพ้ง่าย

  • ผิวหน้าของเราต้องเจอกับปัจจัยภายนอกต่างๆ มากมาย แต่ละฤดู สภาพอากาศที่แตกต่างกันนำมาซึ่งปัจจัยที่อาจกระตุ้นทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ขึ้นได้
  • อากาศหนาวมาก ทำให้ผิวหนังลดการปล่อยสารที่รักษาสมดุลย์ไขมันบนใบหน้า ในขณะที่อากาศร้อนทำให้เหงื่อที่ออกมาและระเหย ทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย การอยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวัน หรืออยู่ในที่ๆ มีความชื้นต่ำก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน
  • รังสียูวีและมลภาวะอื่นๆ ก็ทำให้ผิวอยู่ในอาการเครียดและก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เกราะป้องกันของผิวหนังอ่อนแอ การโดนแสงแดดนานๆ โดยไม่ได้ทาครีมกันแดดป้องกันทำให้ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ และระคายเคืองได้ง่าย
  • สารทำความสะอาดบางชนิดทำให้ไขมันธรรมชาติในผิวหายไป ส่วนน้ำหอม สี และแอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์บางประเภทก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้เช่นกันอากาศเย็นอาจทำร้ายฟิล์มบางๆ ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิว และอาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้ง่ายมลภาวะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระทำร้ายเกราะปกป้องผิวขึ้น


ปัจจัยอื่นๆ

  • เมื่อผิวของเราแพ้ง่ายแล้ว พฤติกรรมหรือเหตุการณ์บางประเภทอาจทำให้อาการแพ้แย่ขึ้นหรือมีอาการเป็นเวลานานขึ้น
  • ปัจจัยหลักที่มีส่วนทำให้ผิวแพ้ง่ายคือการดูแลผิวในแต่ละวันทั้งในเวลาเช้าและก่อนนอน สารทำความสะอาดทั่วไปมักจะชำระล้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติออกไปด้วย นอกจากนั้นแล้วมอยส์เจอไรเซอร์บางชนิดก็อาจมีสารที่ทำให้ผิวระคายเคือง ทำให้ผิวแดงหรือแสบ
  • เคมิคอล พีล และการใช้สครับขัดผิวหน้า จะทำให้ฟิล์มไขมันบางๆ ที่ปกป้องผิวหลุดออก นอกจากนั้นยังทำร้ายชั้นบนของหนังแท้ด้วย ถึงแม้การทำทรีทเม้นท์ทั้งสองประเภทนี้อาจมีประโยชน์ในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและช่วยลดเลือนริ้วรอยบางๆ ได้บ้าง แต่ก็มีข้อเสียคือทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว โดยเฉพาะผิวที่แพ้ง่ายอยู่แล้วด้วย


บรรเทาอาการผิวหน้าแพ้ง่ายอย่างไร

  • การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์สามารถช่วยได้
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น วิตามินเอ ซี และ อี น้ำมันในพืชและปลา สามารถช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีได้
  • แม้ในวันที่เมฆครึ้ม ผิวหน้าของเราก็ยังคงต้องเจอกับรังสียูวี ดังนั้นการหมั่นทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญ และควรหลีกเลี่ยงการออกแดดระหว่างเวลา 11.00 - 15.00 น. ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากสารระคายเคืองผิวเช่นน้ำหอมบางประเภท สารต้านอนุมูลอิสระและน้ำมันธรรมชาติช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีได้ ก่อนเลือกซื้อเครื่องสำอาง โดยเฉพาะสำหรับผิวที่แพ้ง่าย ควรทดลองผลิตภัณฑ์นั้นๆ ก่อนด้วยการทาลงบนบริเวณแขนและสังเกตอาการเป็นเวลา 24 ชั่วโมง


Share: Line

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวอย่างไรดี?



               คุณเคยรู้สึกสงสัยบ้างหรือไม่ว่า เจ้าหน้าที่แนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์เนม มีความรู้เรื่องเครื่องสำอางที่ตนเองขายและสภาพผิวของคุณดีพอแค่ไหน?   คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าเครื่องสำอางที่เขาแนะนำให้คุณซื้อนั้นเหมาะกับสภาพผิวของคุณจริง?

               คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่คาใจคุณ! ด้วยเหตุนี้ คุณจึงต้องเรียนรู้เรื่องผิวประเภทต่างๆ และผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนควักเงินซื้อ

         คุณอาจจะมีคำถามว่า... แล้วมอยเจอร์ไรเซอร์จะเหมาะกับผิวประเภทไหน?
มอยเจอร์ไรเซอร์นั้นให้ประโยชน์กับผิวแห้ง หรือบริเวณที่แห้งในคนที่มีผิวผสมได้มากกว่า โดยจะช่วยให้ skin barrier ทำงานได้ดีขึ้น ลดการระคายเคืองและการแพ้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวดูนุ่มชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย
         แต่อย่างไรก็ตาม การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพียงอย่างเดียวนั้น ดูเหมือนจะไม่ช่วยในการลดริ้วรอยหรือสัญญาณที่บ่งบอกอาการชราของผิวได้    ดังนั้น ถ้าหากคุณรู้สึกว่า คุณต้องการที่จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้วละก็ คุณควรจะแน่ใจว่า คุณได้เลือกชนิดของมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับชนิดของผิวคุณมากที่สุด ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้

มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดอิมัลชัน (Emulsion based moisturizers)
             โดยทั่วไป น้ำและน้ำมันไม่สามารถรวมตัวกันได้และไม่สามารถละลายในซึ่งกันและกันได้เช่นกัน  ดังนั้นเมื่อเราผสมน้ำและน้ำมัน ทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันแล้วเขย่า จะเกิดเป็นหยดของน้ำมันเล็กๆ ขึ้นในน้ำ ซึ่งส่วนผสมทั้งสองจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างคงตัว ต้องใช้สารที่เรียกว่า สารอีมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) ที่เป็นสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) สารนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้หยดของน้ำและน้ำมันเกิดการรวมตัวกัน ทั้งใน oil in water อิมัลชัน และใน water in oil อิมัลชัน จุดนี้ อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคนผิวแห้งที่ผลิตน้ำมันได้เพียงเล็กน้อย
              มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิด oil in water อิมัลชันค่อนข้างที่จะมีเนื้อที่หนักกว่า ทำให้เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง เนื่องจากมอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้มีแน้วโน้มที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวมากกว่ามอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดที่ปราศจากน้ำมัน   ดังนั้นจึงไม่ควรใช้กับคนที่มีผิวธรรมดาและผิวมัน


มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดที่เคลือบผิว (Occlusive moisturizers)
               มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้จะช่วยเคลือบผิว โดยการสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบที่ชั้นบนสุดของผิวและสามารถกันน้ำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว  ส่วนประกอบของสารที่ช่วยเคลือบผิวกลุ่มนี้ ได้แก่ petrolatum เช่น วาสลีน, mineral oil, siloxane เช่น dimethicone และ cyclomethicone เป็นต้น   สารเหล่านี้อาจจะทำให้รูขุมขนอุดตันและทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
               ในคนผิวแห้ง ถ้าหากใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิด oil in water อิมัลชันแล้ว ไม่ช่วยให้ดีขึ้นก็ควรจะเปลี่ยนมาเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้แทน  กรณีเช่นนี้อาจเกิดได้จาก ผิวแห้งที่เกิดจากการสูญเสียน้ำจากผิวหนังเป็นจำนวนมาก การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดที่เคลือบผิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มี siloxane เป็นส่วนประกอบน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากช่วยเคลือบคลุมผิวเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำในชั้นผิวหนังได้ดีกว่าและทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น


มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดปราศจากน้ำมัน (Oil-free moisturizers)
               มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้มักจะเรียกกันว่า Humectants ซึ่งเป็นสารที่สามารถดึงดูดน้ำเข้ามาและตัวมันเองยังสามารถอุ้มน้ำที่ดูดมาไว้ได้ จึงเปรียบเสมือนเป็นการกักเก็บน้ำไปด้วยในตัว สารในกลุ่มนี้ได้แก่ propylene glycol, glycerin, sodium PCA, hyaluronic acid, colloidal oatmeal, collagen และอื่นๆ เป็นต้น
               ถ้าหากคุณมีผิวมันหรือผิวธรรมดาและรู้สึกว่าต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังแล้วละก็ คุณควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดที่ปราศจากน้ำมันที่ว่านี้น่าจะเหมาะที่สุด แต่มอยเจอร์ไรเซอร์ในกลุ่มนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น!


มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดที่คงอยู่ได้เป็นเวลานาน (Long-lasting moisturizers)
               คนผิวแห้งในบางกรณีหรือในสภาวะอากาศที่แห้งมากๆ มอยเจอร์ไรเซอร์ธรรมดาอาจจะไม่สามารถช่วยได้ เนื่องจากให้ความชุ่มชื้นได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 - 2 ชั่วโมงเท่านั้น จากนั้นผิวก็จะกลับมาแห้งอีกเหมือนตอนก่อนใช้   ดังนั้นมอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดที่สามารถคงอยู่ได้นานนี้ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แทนที่จะต้องมาทามอยเจอร์ไรเซอร์ธรรมดาซ้ำทุกๆ สองชั่วโมง
               มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้จะประกอบไปด้วยคุณสมบัติสำคัญต่างๆ ของมอยเจอร์ไรเซอร์หลายชนิดมารวมกัน ประกอบไปด้วยสารที่เป็น humectant และ occlusive หลายชนิด เช่น dimethicone, colloidal oatmeal, glycerin, sodium PCA, hyaluronic acid, petrolatum และอื่นๆ เป็นต้น — มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งรุนแรงมาก





แอดเราเป็นเพื่อน เพื่อติดตามผ่านช่องทางอื่นๆได้ที่นี่เลยค่ะ
   LINE ID : @chlitina-th

สาระความรู้และความงามน่าสนใจแบบนี้  แชร์แบ่งปันให้เพื่อนรู้บ้างสิ แชร์เลย!!!

Share: Line